จันทร์ - ศุกร์ 09.00 -18.00 น.
หน้าแรก / ทัวร์ทั้งหมด / มหัศจรรย์ Europe อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ | เด็กมีเตียง | เด็กไม่มีเตียง | พักเดี่ยว | เด็กทารก | จอยแลนด์ | Group Size | สถานะ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
03 ธ.ค. 68 - 11 ธ.ค. 68 | ฿ 127,999 | - | - | ฿ 16,900 | - | - | 26 | จองเลย |
05 ธ.ค. 68 - 13 ธ.ค. 68 | ฿ 127,999 | - | - | ฿ 16,900 | - | - | 25 | จองเลย |
26 ธ.ค. 68 - 03 ม.ค. 69 | ฿ 135,999 | - | - | ฿ 19,900 | - | - | 25 | จองเลย |
28 ธ.ค. 68 - 05 ม.ค. 69 | ฿ 135,999 | - | - | ฿ 19,900 | - | - | 26 | จองเลย |
06.30 น. พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ช้ัน 4 ประตู 9 ROW S เคาน์เตอร์ สายการบินเอมิเรตส์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน
09.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 375 (บริการอาหารและครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
15.05 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยเที่ยวบินที่ EK 95
18.45 น. เดินทางถึงเดินทางถึง สนามบินเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino)(เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)
นำท่านเดินทางสู่ศูนย์กลางการ ปกครองของอิตาลีที่ กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงของประเทศ อิตาลี และเคยเป็นเมืองหลวง ของอาณาจักรโรมันที่รุ่งเรืองถือเป็นรากฐานของสังคมและวัฒนธรรมของชาติยุโรป ไม่ว่า จะเป็น ปฏิทินตามหลักสุริยะคติ กฎหมาย การประชุมในสภาใน รูปแบบสาธารณรัฐ เป็นต้น
ที่พัก Novotel Roma Est หรือ เทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่น าเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบ้ืองต้นเท่านั้น ช่ือโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะท าการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เที่ยวชม นครรัฐวาติกัน (STATE OF THE VATICAN CITY) นครแห่งคริสตจักรที่อยู่ในกรุงโรม ถือเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชน นิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญ นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ (ST. PETER’ BASILICA) ศาสนสถานของคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการตรึงไม้กางเขนในสมัยของจักรพรรดิเนโร เมื่อปี ค.ศ. 68 ถือเป็นศูนย์รวมทั้งทางกายและทางใจของวาติกัน มีประติมากรรมชื่อก้องโลก อย่าง ปีเอต้า (Pietà) เป็นรูปปั้นพระแม่นารีย์ทรงโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจาก หินอ่อนเพียงก้อนเดียวและใช้เวลาในการแกะสลัก 7 ปี บริเวณด้านหน้าคือ จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ (St.Peter’s Square) ออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ เบอร์นินี อีกหนึ่งประติมากรผู้ได้ฉายาว่า สามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสสามารถจุคนได้ประมาณ 60,000 คน ตรงกลางมีเสาโอบี สิสหินแกรนิตแดง สูง 25.5 เมตร จากอียิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงแสงยานุภาพของโรมันที่มีต่อ ประเทศในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนั้น (ในกรณีมีพิธีด้านใน อาจจะไม่ได้รับการเข้าชม)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายภาพ บริเวณด้านนอก โคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ฟราเวียนแอมฟิ เธียเตอร์ อีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ต้นแบบของสนามกีฬาของโลก เป็นแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโรมัน สร้างขึ้นในสมัยของ จักพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 70 ก่อนเปิด อย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมาในสมัยพระเจ้าไททัส เป็นสนามกีฬาที่จะเป็นการประชัน การต่อสู้ระหว่างเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง และกับสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต ช้าง แรด เป็นต้น โดยบ้างก็กล่าวกันว่าการต่อสู้ในโคลอส เซี่ยมทำให้สัตว์บางชนิดแทบจะศูนย์พันธุ์เลยทีเดียว การสร้างอาคารแบบอัฒจันทร์กลม 3 ชั้น ขนาดใหญ่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นการผลิตซีเมนต์แห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วย บริเวณใกล้กันท่าน สามารถเดินถ่ายรูปด้านหน้า กับ โรมันฟอรั่ม (ROMAN’S FORUM) อดีตศูนย์กลางทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักรโรมัน โดยบริเวณนี้นั้นเป็นที่ตั้งของประตูชัย 2 แห่ง ที่เป็น ต้นแบบของฝรั่งเศส นั่นคือ ประตูชัยคอนสแตนติน สร้างขึ้นในครั้งที่พระเจ้าคอนสแตนตินได้ชัย ชนะเหนือพระเจ้าแมกเซนเทียส และประตูชัยไททัสที่สร้างขึ้นหลังจากได้รับชัยชนะเหนือเมือง เยลูซาเล็มในปี ค.ศ. 81
นำท่านชมความงามของ น้าพุเทรวี่ (TREVI FOUNTAIN) ที่มักกล่าวกันว่าเป็นน้าพุที่สวยที่สุด แห่งหนึ่งใน โลก นำท่านเดินชมและถ่ายรูปบริเวณ บันไดสเปน (SPANISH STEPS) บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป เชื่อมระหว่างจัตุรัสสปังนา กับโบสถ์ทรีนิตี้ นอกจากนั้นยังมีสินค้าแบรนด์เนม หลากหลายให้ท่านได้เลือกสรรค์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Louis Vuitton, Prada, Longchamp, Chanel, DIOR, Balenciaga เป็นต้น แต่หากสนใจชิมกาแฟเอสเปรสโซ่ต้นตำหรับ ก็มีร้านกาแฟมากมายให้ท่านได้ลิ้มลอง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟ Roma Termini กรุงโรม (Rome) เพื่อนั่งรถไฟความเร็ว สู่ Firenze S.M. Novella เมืองฟลอเร้นซ์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.) ซึ่งปกติจะใช้เวลาในการเดินทางด้วย รถยนต์กว่า 3.30 ชั่วโมง
เมืองฟลอเร้นซ์ (FLORENCE ) เมืองที่ครั้ง หนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอิตาลี และเมือง หลวงของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เป็นเมือง ซึ่งเป็นที่ถือกำเนิดของจิตรกรระดับโลก มากมาย ไม่ว่าจะเป็น มีเกลันเจโล ลีโอนาโด ดาวินชี่ ราฟาเอล ซานตี และอีกมากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่า ณ ภัตตาคารอาหารโรงแรม
ที่พัก Radisson Blu Hotel Florence หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น เดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) แคว้นทัสคานี ประเทศ อิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร จตุรัสดูโอโมแห่งปิซาได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้น ทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987
นำท่านชม จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo Pisa) ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของ เมือง ซึ่งจัตุรัสแห่งนี้จะประกอบไปด้วย หอศีลจุ่ม วิหาร และหอระฆัง ซึ่งที่นี่มีหอระฆังที่โด่งดัง ระดับโลก นั้นคือ หอระฆังเอน แห่งเมืองปิซ่า
นำท่านชมบริเวณรอบหอระฆังแห่งนี้พร้อมเก็บรูปเป็นที่ระลึกกับ หอเอนเมืองปีซ่า (LEANING TOWER OF PISA) หอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น โดยเอกลักษณ์และสาเหตุที่ทำให้หอระฆังแห่งนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นคือการที่ตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปทางเหนือ ประมาณ 3.97 องศา หอเอนแห่งปิซ่าแรกเริ่มสร้างในปี 1174 แต่เมื่อสร้างขึ้นไปเพียง 3 ชั้น ฐาน อาคารก็เกิดการทรุดตัวลง เนื่องจากเน้ือดินในบริเวณนี้ไม่มีชั้นหินแทรก ประกอบกับตั้งอยู่ใกล้ แม่น้ำอาร์โน ทำให้ดินมีความชื้นและเหลวกว่าปกติ จนทำให้ต้องยุติการก่อสร้างไปกว่า 94 ปี จนกระทั่งปี 1272 สถาปนิกนาม จีโอวานี ดี ซีโมเน่ (Giovanni di Simone) ได้มาสานต่อด้วย เทคนิคการสร้างให้เพดานไม่เท่ากันเพื่อรักษาอาหารให้สมดุล แต่ก็ต้องยุติการก่อสร้างในปี 1284 จากภัยสงคราม ก่อนชั้นที่ 7 ของอาคารจะเสร็จในปี 1319 และตัวหอระฆังถูกเติมจนเสร็จสิ้นเมื่อ ปี 1372 นับเป็นเวลาร่วม 199 ปี นับจากวันที่เริ่ม
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองฟลอเร้นซ์ (FLORENCE)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น เมนู พิซซ่าสูตรอิตาลีแท้ !!
นำท่านถ่ายรูปมุมสูงของเมืองที่จัตุรัสมิเกลลันเจลโล่ ( Piazzale Michelangelo) ซึ่งถือว่าเป็น 1 ในมุมที่ดีที่สุดที่จะได้เห็นทัศนียภาพแบบพาโนราม่า บนนี้ท่านจะ สามารถเห็นกลุ่มอาคารสำคัญๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหารฟลอเรนซ์ สะพานเวคคิโอ พระราชวังปิติ และยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเดวิดจำลองอีกด้วย
นำท่านชมชมความยิ่งใหญ่และอลังการของ มหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Santa Maria Del Fiore) วิหารของเมืองฟลอเรนซ์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของทวีปยุโรป ซึ่งโดดเด่น นำชม จัตุรัส เดลลาซิญญอเรีย (Piazza Della Signoria) ซึ่งรายล้อมไปด้วยรูปปั้น อาทิ เช่น รูปปั้นเทพเจ้า เนปจูน (Fountain of Neptune), วีรบุรุษเปอร์ซิอุสถือหัวเมดูซ่า (Perseus with the Head of Medusa), รูปปั้นเดวิด ผลงานที่มีชื่อเสียงของ ไมเคิล แองเจโล่เป็นต้น
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิสเมสเตร้ (Venice Mestre)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) ฝั่งแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต
ค่ำ รับประทานอาหารค่า ณ ภัตตาคารอาหารโรงแรม
ที่พัก MOVE Hotels Venezia Nord หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะท าการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) เพื่อล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่ เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (VENEZIA) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้ เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่ กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของ เกาะเวนิส นำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค (St.Mark’s Square) ที่จักรพรรดินโปเลียนยก ย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารซันมาร์โก (San Marco Basillica) มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ซึ่งหาได้ ยากในปัจจุบัน เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด ซึ่งภายในโบสถ์นั้น จะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นอยู่ โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการ เผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5
สำหรับตัวมหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังดอร์จ (Doge’s Palace) พระราชวังแบบเวนิส-โกธิคที่ครั้ง หนึ่งเคยเป็นที่ประทับของยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยัง เป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการปรับปรุงเป็น พิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และ ยังมี หอระฆังซันมาร์โก (St Mark’s Campanile) หอ ระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมใน ปี 1514 และพังทลายลงในปี 1902 ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของสะพาน ถอนหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เช่ือมระหว่างพระราชวังดอร์ดและ เรือนจำแต่เรื่องที่ทำสะพานนี้โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น นักรักบันลือโลกแห่งเวนิสอย่าง จิอาโคโม จิโรลาโม คาสโนวา เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถออกจากเรือนจำแห่งนี้ได้ โดยเรื่องราวของชายหนุ่มมากด้วยวาทะศิลป์คนนี้ถูกตีพิมพ์และโด่งดังในปี 1855 และถูกทำเป็นภาพยนตร์ในปี 2005 พิเศษ!! นำท่าน นั่งเรือกอนโดลา (Gondola) เรือพายสไตล์เวนิสพื้นเรียบแบบดั้งเดิม ซึ่งเหมาะกับสภาพของทะเลสาบเวนิสให้ท่านได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของเมืองเวนิสแบบใกล้ชิด (จำกัดลำละ 4-5 ท่านเท่าน้ัน!!
เที่ยง บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
ท้องถิ่น ด้วยเมนู สปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำเวนิส
จากนั้นนำท่านล่องเรือกลับขึ้นสู่ ฝั่งเมสเตร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มิลาน (MILAN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) เมืองสำคัญ ทางภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงใน ด้านแฟชั่นและศิลปะ
นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า มหาวิหารมิลาน (Duomo di Milano) หนึ่งใน โบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใน วิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้ กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซู บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรูปสลักหินอ่อนที่ วิจิตรเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนั้นหากมีเวลาให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึงแบรนด์ เนมที่คุ้นหู อีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski
ค่ำ รับประทานอาหารค่า ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก NH Milano Fiera หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ เมืองลูเซิร์น (Luzern) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของประเทศ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
นำท่านถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงทหาร หาญชาวสวิส ผู้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย อนุสาวรีย์นี้คือสัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นไม่มี นักท่องเที่ยวคนไหนพลาดมาที่นี่
นำท่านชม สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทอดยาวระหว่างแม่น้ำ Reuss โดยสร้างมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 14 จากนั้น ให้ท่านได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมรอบๆ ตัวเมืองใน เขตเมืองเก่า (Oldtown) ด้วยตัวอาคารสไตล์ยุโรปผนวกกับร้านสมัยใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในความวิเศษของเขตนี้ จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองอินเทอลาเก้น (Interlaken) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) จุดศูนย์กลางของประเทศ ที่รายล้อมไปด้วย 4 ขุนเขา และ 2 ทะเลสาบ พาท่านเดินชม ความงาม และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง พาท่านเดินชม ถนน Hoheweg จุดที่ครึกครื่นที่สุดในเมืองอิน เทอลาเก้น ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสวิสได้อยากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Omega, Swatch ช็อคโกแลตสวิสที่ขึ้นชื่อ หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องประดับก็ยังมีให้ท่านเลือกสรร ได้ตลอดถนนเลยทีเดียว
ค่ำ บริการอาหารค่า ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษเมนูสวิสชีสฟองดู 3 ชนิด
ที่พัก Hotel Central Continental AG หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรม เสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อน เดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมี เทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโกล เดอ ปิยง เพื่อ พาท่านพิชิต กลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) (ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1.40 ชั่วโมง) หรือมีอีกชื่อนึงว่า มีอีกชื่อว่า Glacier-des-Diablerets นำท่านขึ้นกระเช้าขนาดใหญ่ที่จุคนได้กว่า 125 คน เพื่อพาท่านสู่ยอดเขาที่มีความสูงระดับ 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลให้ท่านได้สัมผัสทัศนีย์ภายแบบจัดเต็มของเทือกเขาสีขาวโพลนสุด สายตา
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นอกจากนั้นยังมีสะพานวัดใจที่พาดผ่านยอดเขา 2 ลูก อย่าง The Peak Walk by Tissot เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของยอดเขาแห่งนี้ ** ราคานี้ไม่รวมเครื่องเล่นอื่ นๆ อาทิ Snowbus, Dog Sled Ride Alpine, Coaster เป็นต้น**
หลังจากชมความงามจนเต็มอิ่มแล้วนำท่านเดินทางสู่ เมืองดิฌง (Dijon)(ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 3.30 ชม.) ผ่านชมทัศนียภาพอันงดงามที่เต็มไปด้วยขุนเขาทะเลสาบ และดอกไม้ป่า ที่สวยสดงดงาม ที่จะทำให้ท่านตื่นตาตื่นใจ ตลอดการเดินทางจนทำให้ท่านหลับตาไม่ลง เป็นแห่ง เมืองชุมทางรถไฟ และศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่มี ลักษณะคล้ายปารีสอย่างมาก
ค่ำ รับประทานอาหารค่า ณ โรงแรม
ที่พัก Mercure Dijon Clemenceau หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านนั่ง รถไฟความเร็วสูง (TGV) มุ่งหน้าสู่ กรุงปารีส (ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมง) ซึ่งปกติจะใช้เวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์กว่า 4 ชั่วโมง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงปารีส เมืองหลวงสุดโรแมนติกของประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในจุดหมาย ปลายทางในฝันของใครหลายๆ คนที่แม้กระทั่งชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่นอกเมืองหรือต่างจังหวัด หรือต่างแคว้นแดนไกล กล่าวว่าตราบใดที่มีลมหายใจ ก็ขอให้ได้เห็นมหานครปารีสสักครั้ง
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (LOUVRE MUSEUM) เป็นสถานที่จัดแสดง และเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกจำนวนมาก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวใน ปารีสที่ต้องไปเยือน
เที่ยง รับประทานอาหาร กลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น พิเศษ หอยเอสคาโก้ ต้นตำหรับฝรั่งเศส พร้อมไวน์แดง
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำแซน ชมบรรยากาศรอบเมืองปารีส เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน เมืองที่โรแมนติกที่สุดของโลกในอีก มุมหนึ่งโดยในระหว่างทางนั้นจะผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น สะพาน PONT DE L’ALMA สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พิพิธภัณฑ์ออร์แซ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมไปถึงอาสนวิหาร น็อทร์-ดามแห่งปารีส ถือเป็นอีก 01 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาปารีส
ชมจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่สวยที่สุด ณ จัตุรัสทรอกาเดโร (TROCADÉRO) แต่เดิม บริเวณนี้เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของประเทศอยู่หลายครั้ง แต่โด่งดังด้วยเพราะ ทัศนียภาพที่ท่านจะสามารถเห็น หอไอไฟล (EIFFEL) ได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง หอไอเฟลนั้น ตั้งตามชื่อของสถาปนิกผู้ออกแบบ กุสตาฟ ไอเฟล เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในงาน แสดงสินค้าโลก ในปี 1889 เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องใดที่จะกล่าวถึงปารีส ก็จะต้องมีโครงสร้างเหล็กเจ้าของความสูง 324 เมตร ที่เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก แห่งนี้อยู่ด้วย
ด้วยลักษณะที่แปลกตา สร้างความไม่คุ้นเคยต่อชาวปารีส ถึงขนาดมีการเรียกร้องให้รื้อทิ้งหลังจากงานสิ้นสุดลง แต่หอไอเฟลก็สามารถพิสูจน์ตัวเองและลบคำสบประหม่า จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของปารีส
นำท่านสัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยนักช้อปปิ้งจากทั่วทุกมุมโลก ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางกรุงปารีส ณ แกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (GALERIES LAFAYETTE)
ค่ำ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
ที่พัก Mercure Porte De Versailles Expo หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่านเดินทางสู่ แวร์ซายส์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองที่โด่งดังในฐานะที่เป็นที่ตั้ง ของพระราชวังแวร์ซาย โดยปัจจุบันนี้เมืองแวร์ซายได้เป็นชานเมืองที่ร่ารวยของกรุงปารีส
นำท่านเดินทางเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) หนึ่งในพระราชวังที่มีคนพูดถึงมากที่สุด และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย แต่เดิมนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่พระมหากษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงโปรดมาล่าสัตว์เท่านั้นแต่เมื่อพระเจ้า หลุยส์ที่14 ครั้งทรงพระเยาว์ เสด็จตามพระราชบิดามาล่าสัตว์ ทรงโปรดพื้นที่บริเวณนี้มากเมื่อ ทรงขึ้นครองราชย์จึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่แทนพระราชวังลูฟท์ที่กรุง ปารีสโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดในโลก ภายในพระราชวังนั้นประกอบไปด้วยห้องหับถึง 700 ห้องมีภาพวาด 6,123 ภาพและงานแกะสลัก ถึง 15,034 ชิ้นไฮไลท์สำคัญของพระราชวังแห่งนี้คงหนีไม่พ้นห้องกระจกซึ่งบริเวณผนังด้านขวา นั้นประดับด้วยกระจกฉาบปรอทมากถึง 17 บาน แต่ละบานมีประกอบด้วยกระจก 21 แผ่นซึ่งใน สมัยก่อนนั้นกระจกเป็นสิ่งที่มีราคาสูงมากเทียบเท่าทองคำเลยทีเดียว ซึ่งห้องกระจกแห่งนี้ยังใช้ เป็นสถานที่ในการลงนามสนธิสัญญาสงบศึกในสงครามโลกครั้งที่1 ระหว่างฝ่านสัมพันธมิตร และฝ่ายจักรวรรดิเยอรมัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้นพาทุกท่านไป ช้อปปิ้งที่ เอาท์เล็ท ลาวาเล่ (La Valley Outlet) ที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังต่างๆ โดยจำหน่ายในราคาถูกกว่าราคาปกติ ทำให้เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็น อย่างมากจากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม
เย็น อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส ชาร์ล เดอ โกลด์ ประเทศ ฝรั่งเศส เพื่อให้ท่านได้มีเวลาทำการคืนภาษี (Tax Refund)
21.35 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ EK76 **บริการอาหาร และเครื่องดื่มบนเครื่อง **
07.20 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
08.55 น. เดินทางสู่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 370
18.05 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม