จันทร์ - ศุกร์ 09.00 -18.00 น.
หน้าแรก / ทัวร์ทั้งหมด / FRANCE SWISS ITALY 9D7N
06.00 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น4 ประตู9 ROW S เคาเตอร์ สายการบินเอมิเรตส์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน
09.30 น. ออกเดินทางสู่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK375 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
15.50 น. ออกเดินทางสู่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเที่ยวบินที่ EK375
19.30 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติปารีส ชาร์ล เดอ โกลด์ ประเทศฝรั่งเศส (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)
ไฟล์ทบินอาจมีปรับเวลาไม่มีผลต่อโปรแกรมเดินทาง ตรวจสอบไฟล์ทบินได้ตามตารางอัตราค่าบริการ
ที่พัก Mercure La Defense หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองหลวงสุดโรแมนติกของประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในจุดหมาย ปลายทางในฝันของใครหลายๆ คนที่แม้กระทั่งชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่นอกเมืองหรือต่างจังหวัด หรือต่างแคว้นแดนไกล กล่าวว่าตราบใดที่มีลมหายใจ ก็ขอให้ได้เห็นมหานครปารีสสักครั้ง
ชมจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่สวยที่สุด ณ แต่เดิมบริเวณนี้เคยใช้ เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของประเทศอยู่หลายครั้ง แต่โด่งดังด้วยเพราะทัศนียภาพที่ท่านจะ สามารถเห็น ได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง โดยหอส่งสัญญาแห่งนี้นั้น ถือเป็น สัญลักษณ์ของพาปารีสที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง หอไอเฟลนั้น ตั้งตามชื่อของสถาปนิก ผู้ออกแบบ กุสตาฟ ไอเฟล เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในงาน แสดงสินค้าโลก ในปี 1889 เมื่อมี ภาพยนตร์เรื่องใดที่จะกล่าวถึงปารีส ก็จะจะต้องมีโครงสร้างเหล็กเจ้าของความสูง 324 เมตร ที่ เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ
จากนั้นนำท่าน ชมบรรยากาศรอบเมืองปารีส เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน เมืองที่ โรแมนติกที่สุดของโลกในอีกมุมหนึ่งโดยในระหว่างทางนั้นจะผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมายไม่ว่า จะเป็น สะพาน PONT DE L’ALMA สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พิพิธภัณฑ์ออร์แซ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมไปถึงอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ถือเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาปารีส
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
พร้อมพิเศษ หอยเอสคาโก้ ต้นตำหรับฝรั่งเศส พร้อมไวน์แดง
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับวงเวียนที่เชื่อมถนน 12 เส้นของปารีสไว้ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็น สดุดีทหารฝรั่งเศสที่ร่วมรบ ในสงครามต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามนโ ปเลียน เนื่องจากเริ่มสร้างในรัชสมัยของพระองค์หลังได้รับชัยชนะในสงครามยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1805 นอกเหนือจากนั้น ประตูชัยแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ฝังศพทหารนิรนามในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อีก ด้วย อาร์กเดอทรียงฟ์ มีความสูง 49.5 เมตร กว้าง 45 เมตร และหนาถึง 22 เมตร
ทางทิศตะวันตกยังเป็นที่ตั้งของถนน สายที่โด่งดังที่สุดของโลกสายหนึ่ง นั่นคือ ถนนที่ได้ชื่อมาจากสวน สวรรค์ของเหล่าเทพปกรนัมกรีก ใน อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของการขยาย พื้นที่สวยหย่อมของพระราชวังตุยเลอรี โดยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาส ยุโรป ทรงมีพระราชดำรัสให้นำรูปแบบ ถนนช็องเซลีเซ มาสร้างเป็นถนนพระราชดำเนินกลางในกรุงเทพมหานคร ว่ากันว่าอัตราค่าเช่า พื้นที่บนถนนแห่งนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นที่ตั้งของสินค้าแบรนด์ระดับโลกมากมาย
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปด้านหน้า เป็นสถานที่จัดแสดง และเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกจำนวนมาก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวใน ปารีสที่ต้องไปเยือน
นำท่านสัมผัสกับบรรยากาศ ที่เต็มไปด้วยนักช้อปปิ้งจากทั่วทุกมุมโลกใน ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลาง กรุงปารีส ณ แกลอรี่ ลาฟาแยตต์ (GALERIESLAFAYETET)
ค่ำ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
ที่พัก Mercure La Defense หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าชม หนึ่งใน พระราชวังที่มีคนพูดถึงมากที่สุด และยังเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย แต่เดิม นั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่พระมหากษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงโปรดมาล่าสัตว์เท่านั้นแต่เมื่อพระเจ้า หลุยส์ที่14 ครั้งทรงพระเยาว์ เสด็จตามพระราชบิดามาล่าสัตว์ ทรงโปรดพื้นที่บริเวณนี้มากเมื่อ ทรงขึ้นครองราชย์นจึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่แทนพระราชวังลูฟท์ที่กรุง ปารีสโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดในโลก
ภายในพระราชวังนั้นประกอบไปด้วยห้องหับถึง 700 ห้องมีภาพวาด 6,123 ภาพและงานแกะสลัก ถึง 15,034 ชิ้นไฮไลท์สำคัญของพระราชวังแห่งนี้ คงหนีไม่พ้นห้องกระจกซึ่งบริเวณผนังด้านขวา นั้นประดับด้วยกระจกฉาบปรอทมากถึง 17 บาน แต่ละบานมีประกอบด้วยกระจก 21 แผ่นซึ่งใน สมัยก่อนนั้นกระจกเป็นสิ่งที่มีราคาสูงมาก เทียบเท่าทองคำเลยทีเดียว ซึ่งห้องกระจกแห่งนี้
ยังใช้เป็นสถานที่ในการลงนามสนธิสัญญาสงบศึกในสงครามโลกครั้งที่1 ระหว่างฝ่านสัมพันธมิตร และฝ่ายจักรวรรดิเยอรมัน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านนั่งรถไฟความเร็วสูง (TGV) มุ่งหน้าสู่อีกหนึ่งเมืองใหญ่ของแคว้นที่ เมืองสตราบูร์ก (Strasbourg)(ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมง)ซึ่งปกติจะใช้เวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์กว่า 4 ชั่วโมง
สตราบูร์ก (Strasbourg) ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอีล เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารมหาวิหารนอร์ทเทรอดามแห่งสตราสบูร์ก มหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อว่าสูงตระหง่านที่สุดในยุโรปตะวันตก ความสวยงาม ของสถาปัตยกรรมยุคกลางสไตล์กอธิก เป็นย่านที่คล้าย เกาะเล็กๆ อยู่ในตัวเมืองสตราซบูร์กและได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก Mercure Strasbourg Centre หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่หนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของประเทศ นำท่านถ่ายรูปกับ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงทหารหาญชาวสวิสผู้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จนวินาทีสุดท้ายจากการสู้รบ กับช่วงการปฎิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1792 อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้นถึง 29 ปี เป็นผลงานออกแบบของ Bertel Thorvaldsen ศิลปินชาวสวีเดน และ Lukas Ahorn ประติมากร จากเมืองคอนสแตนซ์เป็นผู้แกะสลัก อนุสาวรีย์นี้คือสัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นที่ไม่มี นักท่องเที่ยวคนไหนพลาดมาที่นี่
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
นำท่านชม อัน เป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทอดยาวระหว่างแม่น้ำ Reuss โดย สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 จากนั้น ให้ท่านได้ชม ความงามของสถาปัตยกรรมรอบๆตัวเมืองใน
ด้วยตัวอาคารสไตล์ยุโรปผนวกกับร้านสมัยใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในความวิเศษของเขตนี้ จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองอินเทอลาเก้น (Interlaken)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 นาที) จุดศูนย์กลางของประเทศ ที่รายล้อมไปด้วย 4 ขุนเขา และ 2 ทะเลสาบ พาท่านเดินชมความงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ เมือง พาท่านเดินชม จุดที่ครึกครืนที่สุดในเมืองอินเทอลาเก้น ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสวิส ได้อยากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Omega, Swatch ช็อคโกแลตสวิสที่ขึ้นชื่อ หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องประดับก็ยังมี ให้ท่านเลือกสรรได้ตลอดถนนเลยทีเดียว
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษเมนูสวิสชีสฟองดู
ที่พัก Hotel Central Continenttal AG หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านสู่ เมืองอันเป็นจุดเริ่มต้นในการพิชิตยอดเขา จุงฟราว Top Of Europe ด้วยทัศนียภาพที่เป็นหุบเขาที่มีบ้านสไตล์สวิสชาเลย์ตั้งอยู่โดยรอบ ทำให้มีความสวยงามจนเป็นเหมือนหน้าตาของสวิสเซอร์แลนด์ที่คุ้นเคย
เมื่อถึงแล้ว พาท่านชมที่มีอายุเก่าแก่ 1,000 ปี ธารน้ำแข็งลึกเขาไปกว่า 30 เมตร มีประติมากรรมน้ำแข็งอยู่อย่างมากมาย และคงอุณหภูมิอยู่ที่ -3 องศา ตลอดทั้งปี เก็บภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ชมที่จัดแสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวเมือง นอกจากนั้นหากมีเวลา แนะนำให้ท่านชม พิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต LINDT และเลือกซื้อกลับเป็นไปเป็นของฝากจากร้านช็อคโกแลตที่สูงที่สุดในโลก และนำท่านขึ้นสู่ JUNGFRAU PANORAMA VIEW จุดสูงสุดของสถานี ที่ 3,571 เมตร ให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บนยอดเขาจุงฟราว ให้ท่านเต็มอิ่มกับบรรยากาศของทิวทัศน์สุดอลังการ
นำท่านลงสู่อีก 1 เมืองชานเขาจุงฟราว เดินทางด้วยรถไฟไต่เขาแสนคลาสสิก ระหว่างทางท่านสามารถมองเห็น น้ำตกชเตาบ์บาร์กที่สูงกว่า 300 เมตร มุมสุดอลังการกับ ริ้วน้ำตกที่แทรกผ่านหน้าผาสูง โดยมีเบื้องล่างเป็น บ้านเรือนสลับทุ่งหญ้า ที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อโดยท่านจะ สามารถมองเห็นได้ระหว่างนั่งรถไฟ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ (Como) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี เป็นเมืองเอกของจังหวัดโกโม ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโม่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม่ เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวม ชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารโรงแรม
ที่พัก Just Hotel Lomazzo Fiera หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสำคัญทาง ภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าหนึ่งในโบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใน วิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซู บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรูปสลักหินอ่อนที่วิจิตรเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนั้นหากมีเวลาให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึง แบรนด์เนมที่คุ้นหู อีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto)
นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือน ของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิสหรือเวเนเซีย(VENEZIA) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานาม ว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝัั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลาง ของเกาะเวนิส นำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสเซ็นท์มาร์ค (St.Mark’s Square) ที่จักรพรรดินโปเลียนยกย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบ หมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด ซึ่งภายในโบสถ์นั้นจะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้น อยู่โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการเผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5
สำหรับตัวมหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังแบบเวนิส-โกธิคที่ ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยังเป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการ ปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และยังมีหอระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมในปี 1514 และ พังทลายลงในปี 1902
ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ สะพานของหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เชื่อมระหว่าง พระราชวังดอร์ดและเรือนจำ
จากนั้นนำท่านล่องเรือกลับขึ้นสู่ฝั่งเมสเตร้
เย็น บริการอาหารเย็น ด้วยเมนู สปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำเวนิส
ที่พัก Antony Palace Hotel หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่ แคว้นทัสคานี ประเทศ อิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร จตุรัสดูโอโมแห่งปิซาได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้น ทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่าน เข้าชม ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของเมือง ซึ่งจัตุรัสแห่งนี้จะประกอบไปด้วย หอศีลจุ่ม วิหาร และหอระฆัง ซึ่งที่นี่มีหอระฆังที่โด่ง ดังระดับโลก นั้นคือ หอระฆังเอน แห่งเมืองปิซ่านำท่านชมบริเวณรอบหอระฆังแห่งนี้พร้อมเก็บรูป เป็นที่ระลึกกับ หอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น โดย เอกลักษณ์และสาเหตุที่ทำให้หอระฆังแห่งนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นคือการที่ตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปทางเหนือประมาณ 3.97 องศา
ท่านเดินทางสู่ศูนย์กลางการปกครองของอิตาลีที่ กรุงโรม (Rome)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.)
เมืองหลวงของประเทศอิตาลี และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันที่รุ่งเรืองถือเป็น รากฐานของสังคมและวัฒนธรรมของชาติยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ปฏิทินตามหลักสุริยะคติ กฎหมาย การประชุมในสภาในรูปแบบสาธารณรัฐ เป็นต้น
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก Novotel Roma Est หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้ง พร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียง กรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ นครแห่งคริสตจักรที่อยู่ในกรุงโรม ถือเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชน นิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญ
นำท่านถ่ายรูปกับ ศาสนสถานของคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกลงโทษประหารชีวิต
ด้วยการตรึงไม้กางเขนในสมัยของจักรพรรดิเนโร เมื่อปี ค.ศ. 68 ถือเป็นศูนย์รวมทั้งทางกายและทางใจของวาติกัน มีประติมากรรมชื่อก้องโลกอย่าง ปีเอต้า (Pietà) เป็นรูปปั้นพระแม่นารีย์ทรง โอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจากหินอ่อนเพียงก้อนเดียวและใช้เวลาในการแกะสลัก 7 ปีบริเวณด้านหน้าคือ ออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ
เบอร์นินี อีกหนึ่งประติมากรผู้ได้ฉายาว่า สามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสสามารถ จุคนได้ประมาณ 60,000 คน ตรงกลางมีเสาโอ บีสิสหินแกรนิตแดง สูง 25.5 เมตร จากอียิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงแสงยานุภาพของโรมันที่มี ต่อประเทศในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียน ในขณะนั้น (ในกรณีมีพิธีด้านใน อาจจะไม่ได้รับการเข้าชม จากนั้นนำท่านแวะถ่ายบริเวณด้านนอก โคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) หรือชื่ออย่างเป็นทางการ่า ฟราเวียนแอมฟิเธียเตอร์ อีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ในโลกยุคกลาง ต้นแบบสนามกีฬาของโลก เป็นแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโรมัน สร้างขึ้นในสมัยของจักพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 70 ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมาในสมัยพระเจ้าไททัส เป็นสนามกีฬาที่จะเป็นการประชันการต่อสู้ระหว่างเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง และกับสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต ช้าง แรด เป็นต้น โดยบ้างก็กล่าวกันว่าการต่อสู้ในโคลอสเซี่ยมทำให้สัตว์บางชนิดแทบจะศูนย์พันธุ์เลย
ทีเดียว การสร้างอาคารแบบอัฒจันทร์กลม 3 ชั้นขนาดใหญ่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นการ ผลิตซีเมนต์แห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วย บริเวณใกล้กันท่านสามารถเดินถ่ายรูป ด้านหน้ากับ อดีตศูนย์กลางทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักร โรมันโดยบริเวณนี้นั้นเป็นที่ตั้งของ ประตูชัย 2 แห่ง ที่เป็นต้นแบบของฝรั่งเศส นั่นคือ ประตูชัยคอนสแตนติน สร้างขึ้นในครั้งที่พระเจ้าคอนสแตนตินได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าแมกเซนเทียส และประตูชัยไททัสที่สร้างขึ้นหลังจาก ได้รับชัยชนะเหนือเมืองเยลูซาเล็มในปี ค.ศ.81
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่นด้วย เมนู พิซซ่าสูตรอิตาลีแท้!!
นำท่านชมความงามของ น้ำพุเทรวี่ (TREVI FOUNTAIN) ที่มักกล่าวกันว่าเป็นน้าพุที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นำท่านเดินชมและถ่ายรูปบริเวณ บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป เชื่อมระหว่างจัตุรัสสปังนา กับโบสถ์ทรีนิตี้ นอกจากนั้นยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายให้ท่านได้เลือกสรรค์อย่าง เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Louis Vuitton, Prada, Longchamp, Chanel, DIOR, Balenciaga เป็นต้น แต่หากสนใจชิมกาแฟเอสเปรสโซ่ต้นตำหรับ ก็มีร้านกาแฟมากมายให้ท่านได้ลิ้มลอง
เย็น อิสระอาหารเย็น เพื่อสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีซีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino) เพื่อให้ท่านได้มีเวลาท าการคืนภาษี (Tax Refund)
22.10 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ EK96 **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง**
05.50 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ ให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
19.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
สนใจจัดทัวร์กรุ๊ปเหมา หรือคณะดูงาน แบบมืออาชีพติดต่อเราได้ที่นี่ LINE OA : @tours2world https://lin.ee/ktnGCCsw